Short Fic : AkaFuri AU : So, do you believe in love?
AkaFuri AU Fic
Title
: So, do you believe in love?
คุณ...เชื่อในโชคชะตาไหม
โชคชะตาที่ทำให้คนที่ไม่น่าเจอกันให้มาพบกันได้
ไม่ว่าจะเป็นด้ายแดง
หรือบุญกรรมที่เคยทำร่วมกันมาก็ไม่รู้ได้ที่ดึงให้คนได้มาเกี่ยวข้องผูกพันธ์กัน
“ถ้าหากคุณอยากให้ตระกุลกลับมามีชื่อเสียงร่ำรวยดั่งเดิมล่ะก็ดิฉันแนะนำให้หาคนที่มีคุณสมบัติตรงตามดังนี้มาแต่งงานเป็นคนในตระกูลคุณค่ะ”
“จะได้ผลจริงๆหรอคะ
ตอนนี้ดิฉันเหลือเงินสามล้านเป็นก้อนสุดท้ายแล้วนะคะ...”
“ได้สิคะ
แต่คุณต้องยอมรับและให้เกียรติ์ผู้ที่เป็นเป้าหมายของคุณด้วยนะคะ
ไม่ว่าเขาจะสูง ต่ำ ดี
เลวก็ตามนะคะ”
“ค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ”
บริษัทอาคาชิกรุ๊ปเป็นบรัทส่งออก-เข้าสินค้าที่ร่ำรวยติดอันดับ
ทว่าด้วยพิษเศรษฐกิจที่เลวร้าย
ค่าเงินลอยตัว การส่งออกไม่ดี
และการส่งเข้าสินค้าไม่มีใครกล้าลงทุน
จึงทำให้บริษัทถึงกับต้องกู้จนติดหนีติดสิน
ขณะนี้คุณนายและคุณท่านอาคาชิเหลือเงินมือเพียงแค่ไม่เท่าไหร่
แม้จะบริหารจนเลือดตากระเด็นสักแค่ไหนแต่ก็ไร้ประโยชน์
สุดท้ายแล้วก็ต้องหันมาพึ่งผู้ให้คำแนะนำตามความเชื่อ
เธอคนนั้นบอกว่าต้องหาบุคคลที่มีลักษณะดั่งนี้...
เกิดวันที่
8
เดือน
11
อายุเท่ากับลูกชาย
จะเป้นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้
ลักษณะไม่สูงไม่เตี้ย
ผิวไม่ขาวแต่ไม่คล้ำ
มีดวงตาและผมสีเดียวกับเปลือกไม้
บุคคลที่ให้มาหายากเสียยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร....
คุณนายอาคาชินั่งกุมขมับอยู่ที่โต๊ะทานอาหารตัวยาว
เธอถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทั้งสามีและลูกชายก็ไม่อยู่บ้านคนรับใช้ก้ลาออกเสียหมด
บ้านหลังใหญ่จึงเหลือเพียงแค่เธอผู้เดียว
กิ๊งก่อง!
เสียงออดดังขึ้น
อาคาชิ
อากิโกะยืนลังเลอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจเดินไปเปิดประตู
ร่างของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนปรากฏต่อสายตา
แต่คนที่มาด้วยนั้นทำให้เธอตกใจมากกว่าการเห็นลูกชายเดินกลับบ้านมาเอง
“คุณแม่
เป็นอะไรไปหรอครับ”
“เปล่าลูก
นั่นเพื่อนหรอ เข้ามาสิ”
อากิโกะเชื้อเชิญเด็กหนุ่มทั้งสองคนเดินเข้าบ้าน
คนหนึ่งคือลูกชายของเธอ
อาคาชิ เซย์จูโร่
และอีกคนหนึ่งคือเด็กผู้ชายผมสีน้ำตาล
ตาสีน้ำตาล
รูปร่างโปร่ง..ไม่เตี้ยและไม่สูง...ไม่ขาวจัดแต่ก็ไม่คล้ำ....
ตรงตามที่ต้องการอย่างไม่น่าเชื่อ....
“หนูชื่ออะไรหรอจ๊ะ”
“ฟ..ฟุริฮาตะ
โคคิครับ”
เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่
ณ เก้าอี้ข้างๆเธอตอบตะกุกตะกัก
คงเกร็งกับบ้านใหญ่ที่เรียกว่าคฤหาสน์จนทำอะไรไม่ถูก
อากิโกะยิ้มให้บางๆพร้อมบอกว่าไม่เป็นไร
อย่าเกร็ง
อาคาชิเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดอยู่บ้านเรียบร้อยแล้วลงมานั่งร่วมวงทานข้าวที่โต๊ะอาหารเหมือนดังเช่นเคยทุกวัน
หากแต่ฟุริฮาตะได้ขอตัวกลับไปก่อนแล้วเพราะคุณแม่โทร'ตาม
คุณแม่ของเขาทำการซักถามอย่างละเอียดเรื่องฟุริฮาตะ
เขาจึงเปิดปากเล่าว่าเขาพบกับฟุริฮาตะตอนที่เขาลาโรงเรียนเพื่อกลับไปจัดการธุระที่เกียวโตบ้านเก่า
ซึ่งขณะนั้นฟุริฮาตะไปทัศนะศึกษาพอดี
คุโรโกะสังเกตุเห็นเขาเข้าจึงโทรตามให้มาพบกันโดยที่มีเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลติดสอยมาด้วย
และนั่นจึงเป็นครั้งแรกที่เซย์จูโร่ได้ทำความรู้จักกับโคคิ...
เด็กหนุ่มจากโตเกียวมีอาการสั่นกลัวยามเมื่อเขาพยายามจะพูดคุยด้วยหรือเข้าใกล้
กระนั้นด้วยความฉลาดที่มีอาคาชิจึงเลือกที่จะขอเบอร์และเมลล์ของฟุริฮาตะจากคุโรโกะ
ครั้งแรกที่โทรไป
ปลายสายดูมีอาการตื่นตระหนกแต่สุดท้ายก็เย็นลงในที่สุด
จากนั้นทั้งคู่ก็ติดต่อกันมาเรื่อยๆจนสนิทกันในที่สุด
วันนี้เป็นวันศุกร์
และที่โรงเรียนเซริน
จังหวัดโตเกียวมีงานจึงเลิกครึ่งวัน
อาคาชิที่อยู่ราคุซัน
จังหวัดเกียวโตเลยถือโอกาศเชิญชวนให้เพื่อนคนใหม่มาเที่ยวบ้านที่เกียวโต...และมาพบเจอแม่เขานี่แหละ
“หนูฟุริฮาตะเนี่ย
เขาเกิดวันที่เท่าไหร่หรอลูก”
“วันที่
8
พฤศจิกายนครับแม่”
คุณนายอาคาชิถึงกับยกตะเกียบค้างกลางอากาศจนลูกชายสงสัย
ดวงตาสีเหลืองสวยเบิกกว้างขึ้นก่อนจะวางตะเกียบลงบนที่วาง
ยกมือขึ้นทาบอก
“โอ้ย
เซย์จูโร่ แม่จะเป็นลม”
“แม่ครับ
ทำใจดีๆไว้ครับแม่”
ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนผมแดง
ตาสองสี รีบลุกขึ้นมาประคองมารดา
ตกลงแล้วแม่เขาเป็นอะไร....
“เรื่องมันก็เป็นแบบนั้นนั่นแหละลูก
แม่ขอโทษที่ไม่ได้บอกตั้งแต่แรก”
ท้ายที่สุดแล้วอากิโกะจึงได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ลูกชายฟัง
โดยมีเซย์อิจิโร่สามีนั่งหน้าเครียดอยู่ข้างๆ
สองสามีภรรยาไปหา”ที่พึ่งทางใจ”ด้วยกันหากแต่ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับลูกชาย
“แล้ว...จะให้ผมแต่งงานกับโคคิ?”
“ใช่”
พร้อมใจกันประสานเสียงทั้งสามี
ภรรยา ผู้ชายที่มั่นใจในตัวเองและชนะมาตลอดถึงกับมีอาการตกใจ
ก็จะให้ทำได้ยังไง
ในเมื่อเพิ่งรู้จักกับฟุริฮาตะเพียงแค่4เดือนเท่านั้น
“ฟุริฮาตะ
โคคิเป็นผู้ชายนะครับ”
“....ไม่เป็นไรหรอก
ตอนนี้ขอให้บ้านเรากลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนก็พอแล้ว”
ในเมื่อคุณพ่อยื่นคำขาดมาแบบนั้น
แล้วอาคาชิ เซย์จูโร่จะทำอะไรได้นอกจากต้องตามจีบ
กระนั้นฟุริฮาตะเองก็เป็นลูกมีพ่อมีแม่..ใช่ว่าอยู่ๆจะให้ลักพาตัวมาแต่งงานเหมือนอย่างในหนังได้เสียเมื่อไหร่
อีกอย่างอาคาชิเองก็ไม่อยากเป็นผู้ร้ายดักฉุด....
ทางเลือกที่ดีที่สุดก็คงไม่พ้นต้องเข้าหาพ่อแม่ของอีกฝ่ายแล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
ขึ้นชื่อว่าอาคาชิกรุ๊ป
บริษัทส่งออก-นำเข้าสินค้ารายใหญ่ติดท๊อป
แม้ว่าเงินหมุนในตอนนี้จะไม่มี
แต่อำนาจยังคงอยู่บ้าง
ด้วยเหตุนี้ลูกชายคนเดียวของบ้านอาคาชิจึงได้ที่อยู่ของบ้านฟุริฮาตะมาอย่างง่ายดาย
ชายหนุ่มยืนอยู่หน้าบ้านฟุริฮาตะ
มันเป็นบ้านขนาดกลางไม่เล็กไม่ใหญ่
มีกระถางดอกไม้และถาดใส่ดินปลูกผักสวนครัวตั้งอยู่ที่พื้นที่สนามหน้าบ้าน
สุดท้ายแล้วเขาก็ตัดสินใจกดกริ่งหน้าบ้าน
สักพักก็มีเสียงตะโกนมาจากข้างในบ้านว่ารอสักครู่นะคะ
จากนั้นไม่นานหญิงสาววัยกลางคนที่มีลักษณะหลายๆอย่างเหมือนกับโคคิก็ปรากฏตัวขึ้น
เธอดูลังเลที่จะเปิดประตู
ดังนั้นอาคาชิจึงต้องแนะนำตัว...
“สวัสดีครับ
คุณนายฟุริฮาตะ ผม..อาคาชิ
เซย์จูโร่นะครับเป็นเพื่อนของฟุริฮาตะ
โคคิน่ะครับ”
ด้วยเหตุนี้ชายผมแดงจึงได้เข้ามานั่งจิบน้ำในบ้าน
คุณนายฟุริฮาตะ หรือฟุริฮาตะ
มิซากิเป็นคนยิ้มง่าย ร่าเริง
และอัธยาศัยดี
“คือ
มิซากิซังครับ”
“ว่าไงคะ”
“ผมมีเรื่องที่อยากให้คุณช่วยน่ะครับ”
เรื่องราวชวนตะลึงทั้งหมดถูกถ่ายทอดให้มิซากิฟัง
เธอมีสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย
อาคาชินั่งนิ่งอยุ่สักพักและทันทีที่คุณนายฟุริฮาตะจ้องตาเขา
ราวกับต้องมนต์จากที่เธอตั้งใจจะปฏิเสธหากกลับเปลี่ยนใจไปตะโกรเรียกให้ลูกชายลงมาจากห้องเพื่อฟังเรื่องราวและตกลงกันแทน
ต้องขอบคุณดวงตาodd
eyeอันทรงพลังของเขาที่ทำให้หญิงสาวยอมโอนอ่อน...
โคคินั่งฟังเรื่องราวด้วยสีหน้าที่เรียกได้ว่าช็อค..ไม่ใช่ช็อคธรรมดาแต่ช็อคเข้าขั้นMAX
คุณแม่ของเด็กหนุ่มเองเมื่อได้ฟังเรื่องราวเป็นรอบที่สองก็ดูเหมือนเริ่มทำใจได้แล้วบ้าง
“ถ้า...แต่งพอเป็นพิธี..ก--
ก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”
“สรุปคือ
ช่วยสินะ”
“อ..อื้ม”
อาคาชิยิ้ม
หันไปทางมิซากิพร้อมหยิบเอาซองเอกสารสีน้ำตาลออกมาจากกระเป๋า
“ถ้างั้น
ช่วยเซ็นสัญญาอันนี้ให้หน่อยได้ไหมครับมิซากิซัง”
ใบสัญญาข้อตกลง..ยินยอมยกลูกชายให้กับบ้านอาคาชิ
“ไม่ต้องเซ็นดิฉันก็จะยกให้อยู่แล้วแน่ๆละค่ะ
ไม่ต้องกังวลหรอก
ถ้าหากลูกชายดิฉันช่วยอะไรบ้านอาคาชิคุงได้ก็ดีแล้วล่ะจ้ะ”
“ขอบคุณมากครับ
แต่ว่า อันนี้คุณพ่อผมเขาฝากมาให้เซ็นน่ะครับ”
จริงๆแล้วก็เขาเองนั่นแหละที่พิมพ์เอกสารใบนี้ขึ้นมา
คุณพ่อน่ะก็แค่ข้ออ้างเท่านั้นแหละ
“ขอบคุณมากๆนะครับ
ถ้าไม่ติดธุระอะไร
ไปเกียวโตกันไหมครับมิซากิซัง”
“พรุ่งนี้..ว่างพอดีค่ะ”
“แล้ววันนี้ล่ะครับ”
“จะไปวันนี้เลยหรอคะ
อืม ก็ได้นะคะ”
การเจรจาตกลงเป็นผล
คุณนายฟุริฮาตะและโคคิผู้มีจิตใจดีเยี่ยงนางฟ้าตอบตกลง
อาคาชิจึงถือโอกาศพาทั้งสองคนมาแวะบ้านตนที่เกียวโต
เมื่อมาถึงที่บ้าน มิซากิดูมีท่าทีสงบนิ่ง
ส่วนฟุริฮาตะก็ยังคงนั่งตัวเกร็งอยู่เช่นเดิม
อากิโกะเป็นฝ่ายเริ่มเปิดประเด็น
ตามด้วยเซย์อิจิโร่
อาคาชิและว่าที่ภรรยาในอนาคตนั่งเงียบกริบ
สุดท้ายแล้วประเด็นก็จบลงด้วยการตกลงว่าตอนบ่ายของวันนี้จะพาไปเลือกแหวนแต่งงานพร้อมดูฤกษ์ให้เสร็จสรรพ
บ่ายวันนี้ฟุริฮาตะ
โคคิถูกคุณนายอากิโกะลากตัวไปมาเพื่อจัดการซื้อสิ่งของต่างๆ
และที่ทำเด็กหนุ่มหวั่นวิตกที่สุดดูเหมือนจะเป็นแหวนแต่งงาน
เพราะแต่ละวงที่คุณนายเสนอมานั้นแพงจนคิดว่ามันไม่ควรเป็นของเขา
เพราะโคคิเพียงแค่แต่งงานเอาเคล็ดตามคำทำนายเท่านั้น
อย่างไรก็ตามความคิดนี้ก็ถูกพับเก็บให้โดยคุณนายอากิโกะ
ส่วนเรื่องชุดแต่งงาน...ก็ของแม่สามีอีกเช่นเคย
น่าแปลกที่ฟุริฮาตะใส่ชุดแต่งงานกิโมโนสีขาวหลายๆชั้นนี้ได้พอดีราวกับไปวัดตัวสั่งตัด
เมื่อถึงเย็นวันอาทิตย์
ครอบครัวฟุริฮาตะจึงได้เดินทางกลับโตเกียวไปใช้ชีวิตตามปกติ
และจะกลับมาเกียวโตอีกครั้งในวันเสาร์ถัดไปตามฤกษ์ยามที่ได้ตกลงกันไว้
เวลาผ่านไปไวเหมือนเร่งให้ชิวาว่าตัวน้อยตกอยู่ในอุ้งมือของพญาราชสีห์เร็วๆ
ในที่สุดวันที่ได้ตกลงกันไว้ก็มาถึง
ฟุริฮาตะถูกคุณแม่ทั้งสองจับแต่งตัวให้จนความเป็นชายหนุ่มถูกเสื้อผ้าและเครื่องสำอางค์กลบจนมิด
กลายเป็นสาวน่ารักที่ไหนก็ไม่รู้
พิธีแต่งงานแบบญี่ปุ่นฉบับดั้งเดิมดำเนินขึ้นในวัดแถวๆบ้านที่ครอบครัวอาคาชิคุ้นเคยดี
คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว
เมื่อมองไกลๆเห็นเจ้าสาวก็ว่าน่ารักบ้าง
เหมาะสมกันดีบ้าง
ฟุริฮาตะ
โคคิ
เด็กหนุ่มที่วันๆเดินตัวปลิวผู้จำต้องมาใส่เครื่องประดับผมที่หนักใช่ย่อยกับชุดแบบสอง
สามชั้นชวนเป็นลมก็เริ่มมีอาการเพลียจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่
คุณนายอากิโกะกับคุณนายมิซากิก็ยืนลุ้น”ลูกชาย”ตัวเองจนตัวโก่ง
ว่าจะอยู่รอดจนจบพิธีไหม
ท้ายที่สุดแล้ว
พิธีแต่งงาน(แก้เคล็ด)ก็เป็นไปด้วยดี
ทุกอย่างจบลงอย่างสวยงาม
ไม่มีใครสงสัยว่าคนที่มาแต่งงานกับลูกชายของอาคาชิกรุ๊ปเป็นใคร
คงเป็นเพราะความน่าเกรงขามของทั้งคุณท่านและคุณชายละกระมัง
ฟุริฮาตะตอนนี้นั่งเหนื่อยอ่อนอกอ่อนใจอยู่ที่ห้องทำพิธี
ใบหน้านั้นดูซีดจนเห็นได้ชัด
“โคคิ
นาย..โอเคไหม”
“ก็
โอเคอยู่นะอาคาชิ
แต่เหมือนจะเป็นลม....”
คำสุดท้ายที่ออกจากปากดูเสียงแผ่วๆ
อาคาชิแทบวิ่งไปรับภรรยาแทบไม่ทันเมื่อฟุริฮาตะดันเป็นลมไปจริงๆ
คุณชายบ้านอาคาชิครุ่นคิดอยู่สักพักว่าควรทำอย่างไรกับคนในอ้อมกอดดี
และแล้วผู้เป็นสามีก็ต้องอุ้มภรรยาไปขึ้นรถกลับบ้าน
ระหว่างที่รถยุโรปคันหรูเคลื่อนตัวไป
ชายผมแดงแอบมองคนที่หลับ
หัวหนุนอยู่บนตักอยู่ตลอด
ไม่รู้ว่าเพราะสิ่งที่ตกแต่งอยู่บนใบหน้าหรือเปล่าที่ทำให้จู่ๆอาคาชิก็ใจเต้นผิดปกติและคิดว่าคนๆนี้น่ารักขึ้นมา
ผู้ชายคนหนึ่งยอมเสียสละมาเพื่อแต่งงานกับเพื่อผู้ชายที่เพิ่งคบกันได้4เดือนและจู่ๆก็มาเล่าเรื่องประหลาดๆและขอให้ช่วยอะไรแปลกๆ
ความดีเยี่ยงเทพบุตรทำให้หัวใจเขาเต้นแรงผิดปกติงั้นหรือ?
ฟุริฮาตะ
โคคิ
ตอนนี้มีศักดิ์เป็นคุณนายคนต่อไปของบ้านอาคาชิตื่นขึ้นมาด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน
เครื่องประดับทั้งหลายไม่ได้อยู่บนหัวเขาแล้ว
และชุดตามแบบหลักถูกต้องของการแต่งงานแบบญี่ปุ่นก็ถูกถอดออกและเปลี่ยนเป็นชุดเสื้อแขนสั้น
กางเกงขาสั้นแทน
ยามเมื่อเด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่งส่องกระจกก็พบว่าเครื่องสำอางบนหน้าถูกล้างออกจนหมดแล้ว
เขาคงเป็นลมสลบจนหลับลึกสุดๆ....
ถึงได้ไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับร่างกายตัวเอง
ว่าที่คุณนายอาคาชิเดินลงบันไดวนสุดทรูอลังการมาที่โต๊ะทานข้าว
ทุกคนในบ้านที่กำลังทานข้าวหยุดมือและหันมามองเด็กหนุ่ม
เขาขมวดคิ้วตอบกลับไปเป้นสัญญาณเหมือนกับว่า
มีอะไรงั้นหรือ หากแต่ทุกคนก็ยังเงียบ
“โคคิ
มาทานข้าว”
“อื้อ”
ร่างสูง170เซนติเมตรเดินช้ามานั่งลงที่ข้างๆอาคาชิ
เพราะเป็นที่เดียวที่ยังว่างและมีถ้วยข้าวพร้อมตะเกียบอยู่
ทุกคนลงมือทานมื้อเย็นอย่างเงียบๆ
บรรยากาศดูกดดันพิลึก
ตอนที่เขาหลับอยู่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ....
“โคคิคุง”
เซย์อิจิโร่ ผู้เป็นพ่อเอ่ยทำลายความเงียบ
“ค...ครับ”
“ขอบใจมาก”
“ครับ..”
ตอบรับเสียงอ่อยๆ
เพราะผู้ชายบ้านอาคาชิจะทำอะไรก็น่ากลัวไปหมดสำหรับฟุริฮาตะ
แม้กระทั่งพูดขอบใจยังน่ากลัวเลย
เพราะทนความสงสัยไม่ได้ฟุริฮาตะจึงได้เอ่ยถามอากิโกะออกไปว่าใครเป็นคนล้างหน้า
ถอดปิ่นและเปลี่ยนชุดให้
คำตอบที่ได้รับมานั้นช่างหน้าตกใจ
เพราะคนที่ช่วยจัดการให้เขาสบายตัวก้คือคนที่แต่งงานด้วยนั่นแหละ
ทว่า..สิ่งที่ทำให้คนในโต๊ะอาหารนั่งเงียบกริบก็คือเหตุการณ์ที่คุณนายอากิโกะและคุณนายมิซากิไปเห็นเข้าเพียงแต่ไม่ได้เล่าออกไป
เพราะหากเล่าให้เด็กคนนี้ฟังละก็...อาจจะกลัวก็ได้.....
อาคาชิมาถามเอาชุดไปรเวทของโคคิกับมิซากิ
เธอให้ชุดกับเด็กหนุ่มไป
อากิโกะที่แอบดูเหตุการณ์ข้างในจากประตูที่แง้มอยู่นิดๆเห็นอาคาชิเปลี่ยนชุดและถอดเครื่องประดับผมให้กับคนที่นอนไม่รู้เรื่องอยู่อย่างเบามือที่สุดจนน่าแปลกใจ
และฉากสุดท้ายก็ทำเอามิซากิที่เพิ่งขึ้นมาสังเกตุการณ์กับอากิโกะถึงกับช็อค
อาคาชิ เซย์จูโร่เช็ดหน้าให้กับฟุริฮาตะ
โคคิ และด้วยระยะห่างใกล้แค่เพียงคืบ
ชายหนุ่มจึงถือวิสาสะจูบเพื่อนชาย....
แล้วมันมีผู้ชายปกติที่ไหนเขาจูบกันบ้างเล่า......
หลายเดือนผ่านไป
เป็นดั่งคำทำนายว่าไว้
บ้านอาคาชิเริ่มได้กำไรจากธุรกิจใหม่ที่คุณนายมิซากิช่วยแนะนำ
เรื่องความรู้สึกลึกๆภายในใจภายในใจของคุณชายบ้านนี้ก็ยังไม่ไปไหนเมื่อตัวเขาเองก็ยังไม่ได้บอกออกไป
เซย์อิจิโร่มีท่าทีเอ็นดูโคคิมากขึ้น
อาคาชิ
เซย์จูโร่ไม่เคยเชื่อในเรื่องของโชคชะตา....จนกระทั่งมันได้นำพาเขาให้ได้มาพบเจอกับฟุริฮาตะ
โคคิ
หนำซ้ำสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตะยังเล่นตลกให้ต้องมาแต่งงานกับคนๆนี้อีกต่างหาก
เริ่มแรกนั้นอาคาชิเองไม่ได้คิดอะไรกับฟุริฮาตะมากเกินไปกว่าเพื่อน
แต่เมื่อได้มารู้จักก็เหมือนติดใจอะไรสักอย่าง
พอได้เบอร์มาถ้าไม่โทรหาให้ได้ยินเสียงก็รู้สึกหวิวๆแปลกๆ
ยิ่งพอแต่งงานกันแล้วอาการแบบนี้ก็ยิ่งเป็นหนัก
ทั้งคิดว่าโคคิน่ารัก
โทรหากันเกือบสามเวลาหลังอาหาร
วันเสาร์-อาทิตย์ฟุริฮาตะไปไหนก็จะมีอาคาชิตามไปด้วย
ที่หนักสุดก็คงเป็นการที่อาคาชิแอบจูบฟุริตอนหลับทุกครั้งที่มาอยู่ด้วยกันนี่แหละ
จนบางครั้งชายผมแดงก็เคยคิดว่าตัวเองโรคจิต.....
วันเวลาหมุนไปอย่างไม่สนหัวใจคน
ครบรอบ1ปีวันแต่งงานแก้เคล็ด
เซย์อิจิโร่เรียกมิซากิและโคคิมาพบที่บ้าน
ทั้งเขาและอากิโกะดค้งให้มิซากิพร้อมบอกเธอว่า
ขอฟุริฮาตะ โคคิเป็นลูกสะใภ้อย่างเป็นทางการ
คุณแม่ผู้แสนดีเองก็ตอบตกลงไปโดยไม่ต้องหาเหตุผล
...ก็จะไปหาทำไมให้ยากพฤติกรรมก็แสดงให้เห็นอยู่แล้วเพียงแต่ลูกชายเธอเองที่ซื่อจนเซ่อไม่รู้ว่าเขาตกหลุมรักตัวเองเข้าจริงๆ
ฟุริฮาตะไม่ได้ปฏิเสธหรือไม่ได้ตกลงหากแต่กลับไม่พูดไม่จา
วิ่งขึ้นห้องของตัวเองในบ้านอาคาชิและไม่ออกมาจนกระทั่งเที่ยงคืน...
ทั้งเซย์อิจิโร่ที่พอทำใจรับได้แล้ว
อากิโกะที่รู้อยู่แล้วแต่ไม่พูดและมิซากิที่ทำใจมา1ปีเต็มๆเริ่มหมดความพยายามที่จะทำให้ฟุริฮาตะออกมาและเข้าห้องนอนของตัวเองไป
อาคาชิกลับจากการประชุมแทนพ่อที่บริษัทแล้ว
เขาเดินขึ้นบันได
และหยุดอยู่หน้าห้องคิดทบทวนอย่างถี่ถ้วนเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นจากในห้อง
สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป
ห้องมืดสลัวทว่าชายหนุ่มกับรับรู้ได้ว่าคนที่นั่งร้องไห้อยู่บนเตียงคือโคคิ
“โคคิ...เป็นอะไร”
มีเพียงเสียงสะอื้นที่ดังตอบกลับมา
เซย์จูโร่ตัดสินใจแกะมือที่กอดเข่าอยู่ของฟุริฮาตะออก
ใช้มือเชิดหน้าคนที่มีศักดิ์เป็นภรรยาขึ้นมาให้เห็นชัดๆ
แสงจันทร์ส่องน้ำตาที่ไหลคลอเบ้าอยู่
ตาฝาดหรือคิดไปเองก็ไม่รู้ได้
ราวกับว่าเขาเห็นประกายจากหยดน้ำตาของเด็กหนุ่ม
ริมฝีปากนั้นกัดเม้มจนแดงช้ำเพราะกลั้นเสียงสะอื้นน่าอาย
ฟุริฮาตะตาเบิกกว้างด้วยอารมณ์ตกใจเมื่อจู่ๆริมฝีปากก็ถูกรุกล้ำประทับจูบโดยผู้ชายที่ชื่อเซย์จูโร่
ลิ้นอุ่นเลียริมฝีปากของเขาเหมือนกับขอทาง
ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอะไรฟุริฮาตะยอมเปิดปากเพื่อให้ลิ้นนั้นสอดกวาดเข้ามาเกี่ยวกระหวัดพันรีดเร้นเอาความหวานและลมหายใจของเขาไป
ริมฝีปากถูกดูดเม้มไม่รู้กี่ครั้ง
ลิ้นนั้น
ริมฝีปากนั้นถอดถอนออกและประทับลงมาใหม่ไม่รู้กี่ครั้ง
ดั่งสติสัมปชัญญะได้ถูกกลบเลือนหายไปโดยจุมพิตจากคนตรงหน้า
“อื้อ!”
ร้องออกมาเมื่อริมฝีปากของคนที่รวมมือเขาไว้ซุกซนลากไล้ลงมาที่คอพร้อมจูบเม้มจนเป็นรอยขึ้นมา
ทั้งแม้กระทั่งใบหู ลาดไหล่
ต่ำลงมาถึงอกก็ถูกเล่นงานจนเป็นรอยตีตรา
เสื้อที่ใส่อยุ่ไม่รู้ถูกถอดออกเมื่อไหร่
รู้เพียงแค่ว่ารู้ตัวอีกทีมือซนๆผิดกับสีหน้าอันน่าเกรงขามสุดขรึมของอาคาชิก้มาเล่นหยอกกับยอดอกของเขา
ริมฝีปากนั้นถูกกัดอีกครั้งด้วยกลั้นเสียงครางในลำคอน่าอายยามเมื่อถูกลูบไล้ลงมาจนถึงส่วนสำคัญด้านล่าง
“โคคิ..ฉันรักนาย...”
คำบอกรักเปรียบเสมือนคำขอ
ส่วนนั้นของร่างกายที่ไม่เคยมีผู้ใดได้แตะต้องกระทำการปฏิบัติต่อในเชิงด้านความรักใคร่ถูกทำให้เกิดอารมณ์จนถึงจุดสุดโดยคนที่มีสถานะเป็นสามี
นิ้วเรียวเปื้อนน้ำขาวขุ่นสอดเข้าเบิกช่องทางที่ด้านหลัง
ผู้ที่อยู่บนตักกอดรัดชายผมแดงเอาไว้เสียแน่นพร้อมทั้งเผลอร้องเสียงครางน่าอายออกมาจนกลั้นเสียงแทบไม่ทัน
นิ้วทั้งสองขยับเข้าออกอย่างช้าๆเนื่องด้วยว่าข้างในนั้นช่างร้อนและรัด...เพราะคนตรงหน้ายังไม่เคยผ่านมือใคร
และเขาคือคนแรก...
“อ๊า!!”
ผู้อยู่บนตักจิกเล็บลงบนไหล่ของคนที่ประคองตนไว้ยามเมื่อสิ่งที่มากกว่านิ้วนั้นชำแรกเข้ามาในกาย
น้ำตาไหลออกมาเอ่อคลอจนได้คว้าคอลงมาจูบซับน้ำตาอย่างแผ่วเบาก่อนจะเริ่มขยับเข้าออกอย่างช้าๆ
เสียงครางไม่ได้ศัพท์เริ่มออกจากปากตามจังหวะที่เร่งเร็วขึ้น
สติหายไปอย่างสิ้นเชิง
ฟุริฮาตะไม่รู้เลยว่าบัดนี้คือเวลาใด
รู้เพียงแค่ว่าเขาต้องการคนที่กอดเขาไว้ก็เท่านั้น.....
ยามเช้ามาเยือน...
ฟุริฮาตะลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างเหนื่อยๆ
แทบไม่อยากลุกออกจากเตียงเพราะช่วงล่างนั้นช่างเจ็บเหลือเกิน
อาคาชิที่ใส่กางเกงขายาวสีดำเครื่องแบบโรงเรียนยืนอยู่หน้ากระจก
กำลังจะใส่เสื้อ
แต่ก็วางมันลงไว้ที่เดิมเมื่อดวงตาสองสีสังเกตุเห็นว่า”ภรรยา”ที่ตอนนี้ไม่ใช่เพียงแค่ในนามลุกขึ้นมานั่งหาว
สองเท้าขยับพาร่างให้เข้ามาใกล้กับคนที่เพิ่งตื่น
มือทั้งสองข้างจับเอามือของฟุริฮาตะที่กำลังขยี้ตาออกไว้ข้างตัว
คนที่เพิ่งตื่นมองหน้าเขาอย่างมึนงง
“อย่าขยี้ตา
เดี๋ยวตาก็ช้ำเอาหรอก”
“อื้อ...”
พยักหน้าเป็นสัญญาณว่าเข้าใจแล้ว
“ร้องไห้จนตาบวม...โคคิ
เมื่อคืนเป็นอะไร ทำไมถึงร้องไห้”
“ก็...ทั้งเซย์อิจิโร่ซัง
อากิโกะซัง แล้วก็แม่รู้มาโดยตลอดว่านายทำอะไร
คิดยังไงกับฉัน แต่ไม่เคยบอกกันสักคำ
ฉัน..สับสน”
“แต่เมื่อคืนก็น่าจะเข้าใจความรู้สึกตัวเองได้แล้วนี่
โคคิ”
“อาคาชิ!”
เอ็ดขึ้นด้วยความอายจนคนตรงหน้าหัวเราะหึหึ
คนผมสีน้ำตาลเปลี่ยนท่านั่งมาเป็นนั่งอยู่ขอบเตียงอย่างช้าๆ
เตรียมจะลุกขึ้นแต่ก็ต้องนั่งลง
ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวด
เพราะเขาเองก็เป็นผู้ชายเรื่องแค่นี้ไม่เท่าไหร่นัก
แต่เป็นเพราะคนตรงหน้าที่จู่ๆก็มานั่งคุกเข่า
คว้ามือเขาไปจูบจนแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายมันตอกย้ำความรู้สึกในหัวใจเข้าไปอีกระรอก
“อาคาชิ
เซย์จูโร่ ขอความรักอย่างเป็นทางการจากฟุริฮาตะ
โคคิ โดยให้ของแลกเปลี่ยนเป็นหัวใจและชีวิต
ฟุริฮาตะ โคคิจะรับไว้หรือไม่”
ผู้ถูกเอ่ยถึงไม่ได้เขิน
หากแต่มีท่าทางตกใจมากกว่าที่อยู่ก็มาขอกันแบบนี้...
“จะขอรับไว้ทั้งหมดนั่นแหละ
เซย์จูโร่..น้ำเน่าจริงนะนายน่ะ
พูดออกมาได้ไม่อายรึไง”
ตอบรับแกมกล่าวว่าทั้งที่หน้าก็แดงเพราะความเขินที่มาหลังจากหายตกใจ
อาคาชิลุกขึ้น ดึงตัวฟุริฮาตะเข้าไปกอด
ดีใจที่ในที่สุดก้ยอมเรียกชื่อ
และก็ดีใจที่ในที่สุดคนในอ้อมกอดก็ยอมรับความรู้สึกนั้นเสียที...
“ขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้ฉันได้มาแต่งงานกับนาย
แม้ว่าตอนนั้นจะเป็นเพียงแค่เรื่องเสริมโชคดีก็เถอะ
ขอบใจที่รักฉัน..โคคิ”
“อือ”
หวานมากกกกกกก ชอบที่สุดเลยค่ะ แบบว่าสุดท้ายก็ตกร่องปล่องชิ้น ชอบที่สุด!
ตอบลบในทุกสุดเขาก็ได้กัน!!!อั๊กๆๆๆ😍
ตอบลบ