Nonsense
Nonsense
R ? NC-17 ?
JunHao / GyuHao / NonHao
warning : ฟิคนี้หาสาระไม่ได้ และไม่มีแก่นสาร ผู้เสพควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน
อนึ่ง วันช็อตนี้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการเพื่อสนองนี้ดและความบาปของผู้เขียนเท่านั้น
มีการหักมุมอย่างน่าตี โปรดใช้จักรยานในการอ่าน
"ปล่อยนะ"
เสียงโวยวายดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของตึกอาคารเรียนไร้ผู้คน ห้องน้ำ ณ ชั้นบนสุดถูกล็อกประตูลงกลอนแน่นหนา นาฬิกาข้อมือที่ถูกถอดออกวางไว้บนอ่างล้างหน้าบอกเวลาสองทุ่ม สิ่งที่ให้แสงสว่างอยู่ ณ ที่นี้นอกจากดวงจันทร์แล้วก็คือแสงไฟนีออนด้านบนเพดาน
งานโรงเรียนจบลงแล้ว ทุกคนทยอยกันกลับบ้านหมดแล้ว หลงเหลือเพียงแค่เด็กหนุ่มผู้อาสาจะช่วยเก็บของและกลับบ้านเป็นคนสุดท้ายของห้อง แต่น่าเสียดาย เพราะกำหนดการกลับบ้านก่อนสองทุ่มคงเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว
ข้อมือสองข้างถูกพันธนาการไว้ด้วยเน็คไท เสื้อสูทยูนิฟอร์มสองตัวถูกถอดออกโยนกองเอาไว้บนพื้นห้องน้ำซึ่งได้รับการทำความสะอาดเป็นอย่างดีเมื่อยามเช้าที่ผ่านมา ร่างโปร่งดิ้นไปมาแต่สุดท้ายก็ไร้ความหมาย เสียงร้องตะโกนถูกกลืนลงคอด้วยเพราะถูกเน็คไทอีกเส้นใช้รัดรอบริมฝีปาก
เจ้าของเน็คไทเส้นนั้นแสยะยิ้ม นัยน์ตากลมโตของเหยื่อมองอีกฝ่ายตาขวาง หยาดน้ำตาไหลซึมออกมาอาบแก้มด้วยเพราะความไว้ใจถูกทำลาย
"ไอ้อ้าอี่ !! (ไอ้บ้านี่)"
"อย่าเสียงดังสิ คุณเพื่อนสนิท" หนึ่งในนักล่ายกนิ้วขึ้นแตะเรียวปาก
"ไม่รีบทำเดี๋ยวคุณครูผ่านมาเห็นยูจะทำไง" เด็กหนุ่มลูกครึ่งกล่าวพลางถอดเสื้อยูนิฟอร์มของตัวเองออก โยนลงบนพื้นอย่างไม่ใยดี บิดขี้เกียจยืดเส้นยืดสายสอง สามครั้งก่อนจะอ้าปากหาวเผยให้เห็นเขี้ยวยาวของผีดูดเลือดชวนให้แกะน้อยของพวกเขาต้องกระเถิบกายหนี
คนอายุมากที่สุด ณ ที่แห่งนี้แสยะยิ้ม เขาหัวเราะออกมาหลังจากได้ฟัง มือหนายกขึ้นถอดแว่นตาที่สวมเอาไว้ออกวาง ณ อ่างล้างมือ นัยน์ตาของเขาเปล่งแสงสีแดงออกมา
"คุณครูไม่ตื่นขึ้นมาหรอก"
"จัดการไปหมดแล้วงั้นสิ" พี่กลางเอ่ยถามพี่โตในขณะที่ตัวเขาเองมีหูของหมาป่าปรากฏขึ้นบนศีรษะ
"แน่นอน" พี่โตยักไหล่พร้อมทั้งสะบัดหางปุกปุยของจิ้งจอกไปมา
"แล้วเราจะกินเขาได้เมื่อไหร่กันล่ะ" น้องเล็กเป็นฝ่ายถามบ้าง
พี่กลางหัวเราะในลำคอเบา ๆ ในขณะที่ผู้อาวุโสสุดเดินเข้ามาหามนุษย์โชคร้ายผู้ที่กำลังดิ้นพล่านไปมา เขานั่งลง มือที่เปื้อนทั้งหยดหมึกของกิจกรรมชมรมและหยดเลือดของอาหารปลดเข็มขัดเส้นน้อย ดึงอาภรณ์ช่วงล่างของร่างโปร่งออก โยนไปที่ไหนสักแห่งให้ไกลพอที่เจ้าตัวจะตามไปเอาได้
"อื้อ !! " ผู้ถูกกระทำส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อถูกฉุดรั้งให้ลุกขึ้นนั่งบนตักของร่างสูง แผ่นหลังบางกระแทกเข้ากับแผงอกแกร่ง แขนทั้งสองข้างสอดเข้ามาใต้ข้อพับเข่า แยกขาทั้งสองข้างออกกว้าง แวมไพร์หนุ่มรู้งานดี มือทั้งสองข้างหยิบเน็คไทเส้นยาวของตัวเองออกมาปิดตาของคนที่กำลังพยายามขัดขืนเอาไว้
และเพราะดวงตามืดบอด โสตประสาทและการรับรู้ซึ่งสัมผัสบนเรือนกายจึงชัดเจนขึ้นเสียจนอยากร้องไห้ออกมา
"ก่อนอื่นก็ต้องเล่นสนุกก่อนจะกินสิ..."
"เตรียมมันมาใช่ไหม" ปีศาจจิ้งจอกยิ้มเจ้าเล่ห์
"พกมันอยู่ตลอดแล้วต่างหากล่ะ" หมาป่าหนุ่มเผยรอยยิ้มเห็นเขี้ยว
บางสิ่งบางอย่างในกระเป๋ากางเกงถูกหยิบออกมา วางกล่องสี่เหลี่ยมขนาดประมาณฝ่ามือลงบนพื้น เปิดมันออกและหยิบของเล่นทรงรีออกมา ความเงียบเข้าปกคลุมจนกระทั่งสวิทช์ของมันถูกกดเปิด ลูกแกะน้อยดิ้นหนีจากภัยร้ายอีกครั้งแต่ทำได้เพียงขยับไปมาซ้ายที ขวาทีเพราะแรงของคนที่ล็อกตนไว้มีมากกว่านัก
"อ๊า !! เอาออกไออ๊ะ !! " เสียงร้องดังขึ้นพร้อมกับหารดิ้นพล่านอีกครั้งของเด็กหนุ่มเมื่อสิ่งนั้นถูกนิ้วเรียวยาวดันเข้าไปในช่องทางคับแน่นโดยไม่มีการให้สัญญาณล่วงหน้า หรือไม่มีแม้กระทั่งการเบิกทาง
พลาสติกทรงรีที่สั่นไหวตามระดับของสวิทช์ที่กดเลือกถูกกลืนเข้าไปด้านในกาย จีบเนื้อกระตุกถี่ เรียวขาสั่นระริก กายขาวเนียนบิดเร้าไปมา
ส่ายศีรษะรัวเร่งเป็นการปฏิเสธชะตากรรมอันโชคร้าย และโชคร้ายยิ่งกว่าเมื่อมันเปิดช่องให้จิ้งจอกหนุ่มสามารถฝังจมูกลงบนลำคอระหงส์ ขบฟันสร้างรอยตีตราเอาไว้ว่านี่คือมื้อดึกอันโอชะของสามพี่น้อง
น้องเล็กผู้มีกายขาวซีดไม่ยอมน้อยหน้าพี่ชายนักเมื่อเขาเอื้อมมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของแกะน้อยออกและก้มลงใช้ฟันคมขบเม้มยอดอกสีเรื่อสลับกับดูดดุนเรียกเสียงอู้อี้จากในลำคอของผู้รับสัมผัส
หยาดน้ำตาไม่สามารถไหลอาบแก้มใสได้อีกเมื่อมันซึมเลอะเน็คไทสีเข้มที่ปิดบังดวงเนตรเอาไว้ ความรู้สึกแปลกประหลาดทำให้รู้สึกวาบหวามร้อนรุ่มไปทั้งตัว แม้ว่าจะพยายามปฏิเสธเท่าใด แต่เมื่อแกนกายถูกสัมผัสโดยฝ่ามือหยาบกร้านของคุณหมาป่าผู้ซึ่งกำลังกระดิกใบหูนุ่มไปมาก็แทบจะทิ้งทุกความคิดไปเสีย
ไม่ได้รังเกียจ... เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก
แต่ทุกครั้งก็มักจะถูกปฏิบัติอย่างนุ่มละมุนไม่ได้หยาบโลนถึงเพียงนี้
"แก้มัดที่ปากออกดีไหม" เสียงของพี่ใหญ่ดังขึ้น
"พี่จุนน่ะใจดีเกินไปแล้วนะ เพื่อนสนิทของผมเป็นพวกดื้อด้านพี่ก็รู้นี่" พี่กลางเป็นคนให้คำตอบ
"ยูตั้งใจจะหาทางแกล้งมยองโฮต่างหาก มินกยู" น้องเล็กที่รู้ทันเข้าให้คำตอบที่แท้จริง
"อย่ามากล่าวหากันสิเวอร์นอน" มนุษย์หมาป่าทำท่าหูลู่หางตกทั้งที่มือกำลังเร่งขยับขึ้นลง ก่อนที่มือของจิ้งจอกจะขยับขึ้นไปแก้มัดให้ เมื่อเรียวปากเป็นอิสระ ในตอนนั้นเอง เด็กหนุ่มก็ส่งเสียงร้องรัญจวนสลับกับสะอื้นไห้
หางนุ่มฟูหนึ่งในเก้าเคลื่อนมาลูบสัมผัสพวกแก้มใสเบา ๆ แทนการปลอบประโลม ในขณะเดียวกันก็ประกบจุมพิตละมุนละไมลงบนเรียวปากอิ่ม ด้วยเพราะสัมผัสที่แตกต่างทำให้สามารถบ่งบอกได้ว่าผู้ที่กำลังไล้เลียริมฝีปากของตนนั้นคือใคร ร่างบางจึงยอมเปิดทางให้ ลิ้นอุ่นเกี่ยวกระหวัดกันไปมาโดยมีฝ่ายชำนาญกว่าเป็นผู้นำ
ปลายนิ้วของคนอายุมากกว่าซึ่งคุมเกมนี้อยู่เกลี่ยคราบน้ำเหนียวใสที่เปรอะซึมออกมาบริเวณมุมปากให้อย่างอ่อนโยน มินกยูส่งเสียงจิ๊จ๊ะเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าพี่ชายปลอบประโลมเหยื่อเสียจนเหลิงทำให้การกลั่นแกล้งไม่สนุกเอาเสียเลย
"อยากสนุกกว่านี้ก็ปรับเจ้านั่นซะสิ ไม่เห็นยาก" เด็กหนุ่มลูกครึ่งชี้โพรงให้กระรอก และกระรอกเจ้าเล่ห์ก็ลงมือกดสวิทช์เจ้าของเล่นชิ้นนั้นจริง ๆ เสียด้วย
"อื้อ !! " อาหารของเหล่าปีศาจสะบัดใบหน้าหันหนีจากจูบหวานชวนละลาย ใบหน้าเรียวเล็กแหงนเชิดขึ้นด้วยความทรมาน "อ-- เอา ออก-- อื้อ ! ไปนะ !! "
แน่นอนว่าตราบใดที่มินกยูยังคงคิดแผนกลั่นแกล้งได้ และพี่ชายคนโตของพวกเขายังคงล็อกตัวร่างโปร่งเอาไว้ ให้ตายหมาป่าร้อยเล่ห์กลก็ไม่มีทางหยุด เขากำลังสนุกกับการได้เห็นกิริยาที่แตกต่างออกไป และที่สำคัญ มันคือการเอาคืนที่ซอมยองโฮ มนุษย์ผู้หาญกล้ามาแกล้งปีศาจระดับท็อปของชั้นปีอย่างเขา
"แรงไปรึเปล่าน่ะ" เวอร์นอนเอ่ยถามทั้งที่กำลังฝังเขี้ยวลงบนข้อมือของผู้ที่บิดเร้ากายไปมา มันออกจะเจ็บอยู่บ้าง แต่ในฐานะผู้ที่เกิดมาเพื่อเป็นเหยื่อ มันกลายเป็นเรื่องเคยชินไปเสียแล้ว
"ถ้าจะแกล้ง แค่เบา ๆ ก็ไม่สนุกน่ะสิ" ว่าไปในขณะที่มือหยุดขยับและปลายนิ้วเคลื่อนมากดส่วนปลายเอาไว้ไม่ยอมให้อีกฝ่ายปลดปล่อยความสุขสมออกมา
"หยุดแกล้ง ฮะ-- ซักที" ตวาดออกมาสลับกับหอบหายใจถี่ ในใจก่นด่าสารพัดจนครบทุกภาษาที่เคยเรียนรู้ ทว่า ในตอนนั้นเอง มนุษย์ผู้โชคร้ายก็ได้รู้ว่า มนุษย์หมาป่าหรือจะเพทุบายเท่ากับจิ้งจอกเก้าหางในตำนาน ปลายนิ้วยาวไล้ไปตามต้นขาขาว บีบเค้นจนผิวเนื้อจนขึ้นสีแดงหากแต่ไม่ถึงกับช้ำ จากนั้น... ช่องทางสีหวานก็ถูกรุกราน
ไม่ได้ดันปลายนิ้วเข้ามาสัมผัสกับผนังนุ่มเฉย ๆ ของเล่นชิ้นนั้นกลับถูกดันเข้าไปลึกยิ่งขึ้นอีกด้วย ท้ายที่สุดก็ทำได้เพียงแค่สะอื้นออกมา แขนขาสองข้างไร้เรี่ยวแรงแต่กลับแอ่นกายบิดเร้าเสียจนแวมไพร์หนุ่มต้องละจากข้อมือมากดไหล่ของลูกแกะน้อยเอาไว้ หยาดโลหิตอันแสนพิเศษด้วยเพราะมีสีขาวบริสุทธิ์ไหลหยดจากร่องรอยคมเขี้ยวลงบนพื้นกระเบื้อง
"เอาออก อ๊ะ ! ไป ! " ส่งเสียงอีกครั้ง ดูเหมือนเป็นการตวาดมากกว่า แต่ก็ต้องเปลี่ยนเป็นเสียงครางหวานแทนเมื่อก้านนิ้วที่กำลังสำรวจอยู่งอกดลงสัมผัสกับจุดไวต่อสัมผัส
"มินกยู พอได้แล้วน่า"
"ยังแกล้งไม่หนำใจเลยนะ" คนอายุน้อยกว่าแย้ง
"ยูจะลองเป็น bad boy รึไง"
"ไม่มีทาง เพราะมินกยูคือ good boy และเป็นตัวท็อปของชั้นปี" ร่างสูงแสยะยิ้ม ก่อนจะดึงสายของของเล่นทรงรีนั้นอย่างแรงในจังหวะเดียวกันกับที่จิ้งจอกหนุ่มถอนเรียวนิ้วออกจากภายในกาย
"อ๊า ! " ร่างบางเชิดใบหน้าส่งเสียงร้อง ร่างกายสั่นเกร็งไปหมดหลังจากที่หยาดหยดอารมณ์ถูกปลดปล่อย เจ้าของผิวสีแทนยกมือที่เปรอะน้ำคาวขุ่นขึ้นหมายจะแสดงให้คนตรงหน้าได้เห็น
"แย่จริง ฉันลืมไป ว่านายถูกปิดตาอยู่" เขาว่าพลางกระดิกหูบนศีรษะสอง สามที แวมไพร์ลูกครึ่งยักไหล่ให้
"เอาที่ยูสบายใจ" จากนั้นเรียวปากที่มีรอยเลือดเปื้อนอยู่เล็กน้อยก็ประทับลงบนเรียวปากสีเรื่อ ขบกัดเสียจนโลหิตสีขาวหลั่งออกมาอีกครา
ความเจ็บปวดไม่ได้ส่งผลต่อความกลัวมากนัก เทียบไม่ได้กับเสียงปลดเข็มขัดและรูปซิบกางเกงในตอนนี้ ไม่สิ อันที่จริงต้องบอกว่ากำลังรู้สึกตื่นเต้นต่างหาก แม้ว่าสมองจะสั่งการให้รู้สึกหวาดหวั่น แต่ร่างกายกลับกำลังเรียกร้องหารสสัมผัสจากนักล่าทั้งสามที่คุ้นชินกันดี
ใช่ ไม่มีอะไรต้องกลัว ต่อให้ผู้ที่กำลังยกตัวเขาขึ้นจะเป็นมนุษย์หมาป่า ต่อให้ผู้ที่กำลังกัดเม้มกลีบปากของเขาเสียจนเห่อช้ำเลือดซิบจะเป็นแวมไพร์ หรือต่อให้ผู้ที่กำลังชำแรกกายเข้ามาในตัวของเขาจะเป็นปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง
สิ่งต้องทำ มีเพียงรับสัมผัสเหล่านั้น จดจำมัน และไม่คิดดื้อต่อผู้เป็นนายตราบใดที่ยังคงอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ และตราบใดที่เขายังคงอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ของตระกูลชเว
เพราะซอมยองโฮ เด็กหนุ่มจากแดนเหนือถูกชุบเลี้ยงให้เติบโตขึ้นมาในฐานะของอาหารยังไงล่ะ...
ผนังอุ่นบีบรัดท่อนเอ็นของจิ้งจอกหนุ่มเสียจนต้องนิ่วหน้า จุมพิตที่เหมือนสูบวิญญาณไปจนหมดสิ้นยังคงดำเนินต่อ แผ่นอกถูกดูดดึงอีกครั้ง เสียงของน้ำลายและเสียงของเนื้อที่กระทบกันจากการขยับกายอย่างเชื่องช้าแต่หนักแน่นฟังดูหยาบโลนแต่กลับปลุกอารมณ์ได้เป็นอย่างดี
ว่ากันว่าดอกไม้แม้ไร้กลิ่นหอมหากแต่ยังคงมีกลีบ กิ่ง ก้าน และใบ ตราบนั้นมวลภุมรินก็ยังเข้ามาดอมดมมันอยู่ดี และบางทีก็คงไม่ได้มีเพียงแค่มวลแมลงที่ต้องการหากดอกไม้นั้นพิเศษกว่าดอกไม้อื่นใด
ภูติพรายร้ายเฝ้ามองการเติบโตของบุปผา เมื่อกลีบดอกไม้แบ่งบาน เมื่อนั้น พวกเขาก็พร้อมจะฉีกกระชากมันด้วยสัญชาตญาณดิบในตัว
ก็เพราะเป็นปีศาจ... หาใช่มนุษย์ไม่
เรือนร่างขาวเนียนคลอนไหวไปตามแรงกระแทก เรียวปากได้รับอิสระอีกครั้งก่อนที่แวมไพร์หนุ่มจะยันตัวคุกเข่าและใช้มือกดศีรษะ สอดสางเรือนผมนุ่มโน้มน้าวให้เหยื่อของพวกเขารับเอาแท่งเนื้อร้อนเข้าไปในโพรงปาก เรียวลิ้นชื้นไล้เลียสลับกับขยับรูดรั้งไปตามความยาว เด็กหนุ่มถึงกับขมวดคิ้วนิ่วหน้าพร้อมทั้งกดศีรษะของอีกฝ่ายให้ขยับเร็วขึ้น
ช่องทางอ่อนนุ่มดูเหมือนจะปรับตัวได้ดีแล้ว เมื่อมันสามารถรองรับสิ่งแปลกปลอมที่กำลังสอดแทรกเข้ามาในกายได้โดยไม่ฉีกขาด ความคับแน่นที่เกิดขึ้นอีกครั้งทำให้หมาป่าเจ้าเล่ห์เผลอส่งเสียงในลำคอเบา ๆ แล้วจึงเริ่มขยับกายรัวเร็วไม่แพ้กับผู้เป็นพี่ มนุษย์ผู้เคยชินกับความรู้สึกพิศวาสร้อนรุ่มดั่งไฟสุ่มจากอมนุษย์ทั้งสามแอ่นกายบิดเร้า เรียวขาสั่นเทาน่าสงสาร เส้นไหมสี่อ่อนพลิ้วสะบัดไปตามแรงโยกไหวของเรือนกาย
เน็คไทที่เคยพันธนาการมือทั้งสองข้างเอาไว้ถูกปลดออกโดยผู้อาวุโสที่สุด แม้ว่ามินกยูจะส่งสายตาคัดค้านทั้งที่กำลังขยับกายให้แรงขึ้น กระนั้น เน็คไทอีกเส้นที่เคยปิดบังดวงเนตรคู่สวยเอาไว้ก็ถูกปลดออกตามมา นัยน์ตากลมโตกระพริบปรับสภาพสอง สามครั้ง แพขนตาสวยชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาจากความทรมานในรสของรักอันแสนร้อนแรง
ของเหลวคาวขุ่นถูกฉีกเข้าสู่โพรงปาก ร่างโปร่งกลืนมันลงไปโดยไม่นึกรังเกียจ บางส่วนที่มากเกินไปและยังคงเหลืออยู่ไหลเปรอะที่มุมปากยามเมื่อแก่นกายถูกถอดถอน ไม่มีเวลามากพอจะให้ทำความสะอาดนัก เมื่อพี่น้องทั้งสองพากันโถมกายรัวเร็วเสียจนต้องยกมือขึ้นปัดป่ายไปมาหาที่ยึดเหนี่ยวระบายอารมณ์
หมาป่าหนุ่มจับรั้งมือทั้งสองข้างของคนตรงหน้าเอาไว้ ดึงให้วางลงบนไหล่ของตน ปลายเล็บของลูกแกะน้อยจิกลงบนผิวเนื้อเสียจนเกิดรอยข่วนเลือดซิบ เสียงครางหวานดั่งอยู่ข้างใบหู ชิดใกล้จนได้ยินลมหายใจปลุกอารมณ์ให้อยากกระแทกกระทั้นทำลายเรือนร่างบอบบางตรงหน้าเสีย
หลังคอของอาหารถูกขบกัดฝากฝังรอยฟันสลับกับรอยจูบเอาไว้โยปีศาจจิ้งจอก เขาไล่จูบเม้มลงมาตามแนวกระดูกจนถึงกลางหลังแล้วจึงวกกลับไปประทับฝังรอยสีกุหลาบเอาไว้บนไหล่มน
ฉับพลัน มือทั้งสองข้างของร่างบางถูกจับขยับเปลี่ยนที่อีกครั้ง จิ้งจอกเก้าหางรับมัน พร้อมทั้งประสานนิ้วเข้าหา กุมไว้อย่างหลวม ๆ แต่กลับแน่นขึ้นด้วยเพราะแรงบีบระบายอารมณ์จากคนอายุน้อยกว่า นัยน์ตากลมฉ่ำรื้นช้อนมองผู้ที่ซ้อนกายอยู่ด้านหลัง ริมฝีปากเห่อช้ำเปื้อนด้วยหยาดคาวและหยาดเลือดเผยออ้าเป็นเชิงเรียกร้อง
จุมพิตละมุนหวานดั่งสายไหมขนมอันแสนโปรดปรานถูกป้อนให้สมใจอยาก เรียวปากแห้งผากดูดเม้มกลีบปากบางแผ่วเบาเป็นการปลอบประโลมทั้งที่เบื้องล่างยังคงขยับกระแทกกายถี่รัว
ทุกหยาดของอารมณ์ถูกผลักดันจนถึงขีดสุด ในหัวของเหยื่อผู้ชินชากับการถูกกินจากผู้ล่าขาวโพลนดั่งปุยเมฆ รับรู้ได้ถึงความอุ่นวาบของของเหลวที่ถูกเติมเต็มเข้ามาในกาย รสจูบยังคงติดตรึงอยู่ที่ริมฝีปาก โสตประสาทได้ยินเสียงหอบหายใจถี่รัวสลับกับเสียงคำรามแผ่วเบาอย่างชัดเจน
ของเหลวสีขาวหนืดไหลย้อนลงมาเปรอะเปื้อนต้นขาขาวเมื่อคนทั้งคู่ถอนกายออก เอวบางถูกจับยกขึ้นก่อนที่จะถูกวางลงบนตักที่มีหางนุ่มฟูรองเอาไว้ของจิ้งจอกหนุ่ม เหยื่อที่กำลังฟื้นพลังตนเองเอนกายพิงเข้ากับแผ่นอกในขณะที่ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นโอบรอบลำคอของอีกฝ่าย
"จุนฮวี" เสียงแผ่วเบาทำให้เจ้าของชื่อต้องโน้มหน้าเข้าไปใกล้ผู้ขานเรียกโดยที่ดวงตายังคงจับจ้องคอยดูพฤติกรรมของน้องชายแสนซนทั้งสองที่คนหนึ่งกำลังทำความสะอาดตัวเอง แต่งกายให้เรียบร้อย และอีกคนที่กลายร่างเป็นหมาป่าตัวใหญ่ นัยน์ตาสีแดงวาวโรจน์ ลิ้นสีชมพูกำลังไล่เลียทำความสะอาดขนนุ่มแลดูเชื่องผิดกันกับเมื่อครู่ยามที่ยังคงอยู่ในร่างมนุษย์
"ขอจูบอีกสักครั้งสิ"
ประโยคที่ได้ฟังทำให้รอยยิ้มมีเลศนัยปรากฏขึ้นบนใบหน้าได้รูป
"ได้สิ ทำไม่จะไม่ได้ล่ะ มยองโฮเป็นเด็กดี พวกเราให้มากกว่าจูบอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ที่นี่หรอกนะ"
จูบนุ่มแผ่วแนบลงบนริมฝีปากเห่อช้ำจากนั้นจึงผละออกอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมโตหวานเชื่อมเริ่มฉายแววไม่พอใจ ร่างสูงหัวเราะแผ่วเบาก่อนจะฝังจมูกลงบนแก้มใส คลอเคลียไปมาอย่างเอ็นดู
นัยน์ตาของเขาส่องประกาย และน้องชายทั้งสองก็เข้าใจความหมายนั้นดี ในวันที่พระจันทร์เต็มดวง มินกยูไม่ได้เฝ้ารอการแปลงร่าง เวอร์นอนไม่ได้เฝ้ารอการฟื้นคืนพลัง และจิ้งจอกเก้าหางอย่างเขาก็ไม่ได้เฝ้ารอการอาบแสงจันทร์เพื่อเพิ่มพลัง แต่เฝ้ารอสิ่งที่เรียกว่า...
การกินเหยื่อครั้งใหญ่ต่างหาก...
ชายหนุ่มก้มลงกระซิบแผ่วเบาให้คนในอ้อมแขนได้รับรู้
"เป็นเตียงที่บ้านของพวกเราต่างหาก..."
ปฏิทินบอกว่าเป็นเวลาสองเดือนจวนเจียนจะเข้าเดือนที่สามนับตั้งแต่วันที่เกิดการกินเหยื่อครั้งใหญ่ในคืนจันทร์เดือนเพ็ญ ร่างโปร่งในสภาพเหนื่อยอ่อนจากการอาเจียนที่มีเพียงแค่อากาศและน้ำลายสีใสยืนนิ่งอยู่หน้าอ่างล้างหน้าในห้องนอนของตน ณ คฤหาสน์อมนุษย์ตระกูลชเว
กระดาษที่อยู่ในมือร่วงปลิวลงบนพื้น สิ่งที่เขียนเอาไว้สอดคล้องกับสิ่งที่ปรากฏผลบนแท่งสีขาวคล้ายปรอทหรือที่คุณครูเคยสอนเอาไว้ว่ามันคือที่ตรวจครรภ์
คำพูดของคุณหมอจอนดังก้องอยู่ในหัว เป็นเรื่องที่น่าแปลกสำหรับการที่เด็กผู้ชายวัยสิบแปดปีคนหนึ่งจะมีสิ่งมีชีวิตน้อย ๆ เติบโตอยู่ในกาย แต่ ณ ที่ ที่มีทั้งปีศาจ ทั้งยมทูตผู้เป็นเจ้าบ้าน การที่เด็กหนุ่มผู้มีโลหิตสีขาวเพราะเป็นผู้ถูกเลือกให้เป็นเหยื่อจะตั้งครรภ์ก็คงไม่แปลก
คุณหมอจอนที่ไม่ใช่มนุษย์เช่นกันไม่ได้กังวลถึงความสัมพันธ์อันแปลกประหลาด และไม่คิดถามว่าเด็กในท้องจะมีพ่อเป็นแวมไพร์ มนุษย์หมาป่า หรือจิ้งจอกเก้าหาง สิ่งที่เขาเป็นห่วงก็คือ...
มนุษย์คนหนึ่งจะแบกรับเด็กแฝดซึ่งเป็นอมนุษย์ทั้งสามเอาไว้ได้หรือไม่...
END or TBC ?
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น