SIN_pt_2







“ถ้าอย่างนั้นคุณก็คงต้องมาที่นี่ในวันที่ผมสวดปลดปล่อยวิญญาณชั่วร้าย” แต่บราเธอร์หนุ่มก็ยังไม่ลดละ ซ้ำยังจงใจเน้นคำว่าวิญญาณชั่วร้ายอย่างกับว่ารู้ถึงตัวตนของเขาแล้ว

ซอกมินหัวเราะในลำคอพลางขยับมือทั้งสองข้างที่วางอยู่บนตัวของอีกฝ่าย ข้างหนึ่งบดคลึงยอดอกให้เสียดสีผ่านเนื้อผ้านิ่ม ส่วนอีกข้างก็ทำการลากไล้ผ่านส่วนกลางลำตัวของคนบกตักอย่างจงใจกลั่นแกล้ง

ฝ่ายถูกกระทำเม้มปากไว้แน่นทั้งพยายามฝืนตัวให้หลุดออกจากพันธนาการนี้ ทว่า ความรู้สึกและความสมควรกำลังขัดกัน ไม่เป็นไปดั่งใจอยาก ทั้งที่ต้องการจะลุกหนี หากขาสองข้างกลับกำลังสั่นเกร็ง ทั้งที่ต้องพยายามจับมือสองข้างนั้นออกให้พ้นกายกลับทำได้เพียงวางลงบนแขนของชายนิรนามและบีบเอาไว้เสียแน่น

“ปล่อย อือ ฮะ.. ปล่อยผ- ผม อื้อ” แม้ไม่อยากอ้อนวอนขอ สุดท้ายก็ต้องจำยอมเอ่ยออกมา ดวงตากลมโตเริ่มฉ่ำคลอด้วยหยาดน้ำตาจากความทรมาน เนื้อผ้านุ่มที่กำลังเสียดสีสัมผัสกับร่างกายกำลังทำให้สติที่พยายามประคองเอาไว้เริ่มเรือนลางลงไปเรื่อย ๆ ที่ละน้อย

“ร้องออกมาอีกสิ” คำสั่งที่สมองสั่งให้ขัดขืน หากแต่ความรู้สึกกลับบอกให้ยอมอ้าปากออกและเปล่งเสียงออกมาอย่างอดไม่ได้ทั้งกำลังส่ายหัวไปมาเหมือนกับไม่อยากจะยอมรับ

“แล้วก็ถอดเสื้อผ้าของนายออกซะ อย่าให้ฉันต้องเป็นคนกระชากมันออก” ออกคำสั่งอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูน่าเกรงขาม ทว่าฝ่ายที่ถูกออกคำสั่งกลับยังนิ่งเฉย

"อ๊ะ ! " จึงต้องย้ำเตือนด้วยการกัดเข้าที่ลำคอขาวเนียนอย่างแรงจนเกิดเป็นรอยฟัน หยาดน้ำตาเริ่มเอ่อคลอนัยน์ตาคู่สวย มือเล็กที่กำลังสั่นเทาด้วยเพราะกำลังถูกปลุกปั่นยกขึ้นมาปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออกอย่างช้า ๆ ในขณะเดียวกัน ผู้ที่กำลังได้ใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่ต้องการก็กำลังช่วยเหลือด้วยการปลดอาภรณ์ช่วงล่างนั้นออกให้ จนในที่สุด เรือนร่างเปล่าเปลือยก็ปรากฏต่อสายตา

รอยจูบเก่า ๆ ยังคงมีให้เห็นอยู่ กระนั้น คนที่กำลังสั่นกลัวก็ไม่ได้สังเกตมัน คงจะมีก็แค่คน ไม่สิ ปีศาจร้ายที่กำลังวางแผนอยู่ต่างหาก

เขาคือบาปแห่งความริษยา และในตอนนี้ยังได้เห็นกายขาวเนียนและรอยตีตราของซึงชอลที่มาเยี่ยมเยือนสถานที่แห่งนี้ก่อนหน้ายิ่งทำให้ความริษยาในใจเพิ่มมากยิ่งขึ้น และถ้าหากจะดับไฟในใจให้ได้ในตอนนี้ละก็ ก่อนอื่นก็คงต้องจับให้ร่างบางหันหน้าเข้าหาตนเสียก่อนโดยที่ยังคงนั่งอยู่บนตักดั่งเดิม

ดวงหน้าติดหวานที่กำลังขึ้นสีแดงเรื่อเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและความละอาย ขัดกับนัยน์ตาฉ่ำหวานกับริมฝีปากบวมช้ำทั้งที่ยังไม่ได้แตะต้องหากแต่เกิดจากการกัดเม้มเอาไว้ของเจ้าตัวเอง สองแขนที่กำลังสั่นเกร็งยกขึ้นหมายจะดันกายออกห่างจากผู้มาเยือนให้ได้ แน่นอน มันไร้ค่า และกลายเป็นว่าถูกดึงให้มือทั้งสองมาแตะลงบนส่วนไวต่อความรู้สึกเสียแทน

ร่างสูงที่ยังคงมีเสื้อผ้าอยู่บนตัวครบทุกชิ้นไม่มีตกหล่นส่งยิ้มไปให้เป็นการบอกทางภาษากายว่าตนคือผู้ชนะ จากนั้นจึงค่อยเคลื่อนใบหน้า ขยับริมฝีปากของตนเข้าใกล้ใบหูนิ่ม ขบเบา ๆ หมายจะเรียกร้องให้เกิดเสียงแต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อนักบวชยังคงดื้อดึง คำสั่งที่ฟังดูแล้วชวนให้สั่นกลัวจึงถูกใช้แทน

“ทำให้ฉันพอใจซะสิ... ช่วยตัวเอง ร้องออกมาดัง ๆ ส่งสายตายั่วยวนของนายมาที่ฉัน ถ้าฉันพอใจ ก็จะปล่อยไป อยากได้นักไม่ใช่หรือไง อิสระน่ะ” ว่าไปพลางเริ่มจับมือบางของคนตัวเล็งซึ่งตนกำลังเป็นผู้ควบคุมให้กอบกุมเอาแก่นกายของเจ้าตัวเอาไว้และเริ่มขยับอย่างเชื่องช้า

ผู้ถูกบังคับสะบัดศีรษะไปมาแทนการปฏิเสธ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไร นอกจากว่าสุดท้ายแล้วก็ต้องกรีดร้องออกมาอยู่ดีเมื่อมืออีกข้างของอมนุษย์ผู้ชั่วร้ายวางลงบนบั้นท้ายอวบ ก่อนจะฟาดมือข้างนั้นลงกับผิวเนื้อไม่เบานักจนเกิดเป็นรอยแดง เมื่อสาแก่ใจแล้วจึงค่อยชำแรกเข้าสู่โพรงเนื้อนุ่มโดยที่ไม่มีการตระเตรียมหรือบอกกล่าว จากนั้น มืออีกข้างก็ละจากการสั่งสอนให้มนุษย์ผู้โชคร้ายริเริ่มการกระทำอันเปี่ยมไปด้วยราคะมาสอดใส่เข้าสู่ช่องทางสีหวานบ้าง

ปลายนิ้วทั้งสี่กวาดวน หมุนไปมาภายใน สัมผัสกับผนังอุ่นที่กำลังบีบตัวตอดรัด เสียงหวานที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ ตามจังหวะของการขยับมือข้างหนึ่งด้วยตัวเองของผู้ที่สติสัมปชัญญะได้หลุดลอยไปไกลจนกู่ไม่กลับเสียแล้ว แผ่นหลังบางแอ่นโค้งไปตามแรงอารมณ์หลังจากที่ใช้มืออีกข้างบดคลึงตุ่มไตสีหวานอย่างเพลิดเพลิน

ซอกมินหัวเราะในลำคอ หากซึงชอลยังอยู่ตรงนี้ก็คงเปรียบได้ว่าเสียงหัวเราะนั้นเป็นการท้าทายว่าเขาอยู่เหนือกว่าอีกฝ่าย เพียงแค่นึกภาพของเหล่าบาปทั้งหลายที่ยังคงอยู่หรือสูญสลายไปแล้วก็ดีกำลังหัวเสียก็ยิ่งได้ใจ ขยับนิ้วที่กำลังกระแทกเข้าออกอยู่ให้รุนแรงยิ่งขึ้น ท้ายที่สุด ฝ่ายที่ได้รับทุกสัมผัสอันแสนมัวเมาก็ถึงคราปลดปล่อย ดวงตาที่กำลังจ้องมองลงมานั้นฉ่ำปรือ กลีบปากเห่อช้ำที่กำลังเผยอออกหอบเหนื่อย  

เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้วว่าทำไมพวกเขาเหล่านั้นถึงได้ชอบมนุษย์ผู้นี้นักหนา…

“ปล่อย.. ผมไป…” เสียงแหบพร่าของคนที่เอาแต่ครวญครางมาโดยตลอดดังขึ้นพร้อมกับประโยคที่คล้ายกับกำลังขอร้อง ทว่า สิ่งที่ได้รับกลับเป็นเพียงเสียงของเข็มขัดที่ถูกปลดออก
หยาดน้ำตาไหลลงอาบสองข้างแก้มของผู้ที่รู้สึกว่าตนช่างแปดเปื้อนเหลือทน แต่แล้วเอวบางก็ถูกจับเอาไว้เสียแน่น ร่างกายถูกยกขึ้นทั้งที่ยังคงปิดตาเอาไว้ด้วยเพราะไม่อยากมองหน้าของชายผู้หยาบช้าและกระทำการต่อเรือนร่างบอบบางนี้อย่างอุกอาจไร้ซึ่งความเมตตา

“ปล่อยหรอ ง่ายไปมั้ง… ฉันยังไม่พอใจเลย…”

“อ๊า !! ” กรีดร้องออกมาอีกครั้งพร้อมวาดวงแขนโอบรอบคอของร่างสูง โอบกอดเจ้าของท่อนเอ็นที่ชำแรกเข้าสู่กายตนอย่างไม่มีการยั้งแรงเอาไว้แน่น เสียงสะอื้นเริ่มเล็ดลอดจากลำคอ กายาสั่นเทาอย่างมิอาจห้ามได้ เสียงเนื้อกระทบกันด้วยการกดกระแทกดังขึ้นทันทีโดยไม่ปล่อยให้ได้มีการปรับตัวใด

“ร้องออกมาให้ดังกว่าตอนที่อยู่กับซึงชอลสิ ตอนอยู่กับเขาก็ร้องดังกว่านี้ใช่ไหมล่ะ”

“อ๊า ! ฮึก ! ใคร.. อื้อ ! คือ ซึงชอล อ๊ะ ! ผมไม่ รู้เรื่อง ! ” ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ขาดช่วงซ้ำยังกระท่อนกระแท่นปนเปไปกับเสียงร้องระบายความเสียวซ่าน ในหัวของโจชัวไม่เคยมีนามซึงชอลบันทึกเอาไว้ ไม่มีเลยแม้แต่สักนิด กระนั้น คำตอบของเขากลับทำให้ผู้ฟังเหมือนจะยิ่งได้ใจมากขึ้น

เอวคอดถูกยึดเอาไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะขยับสะโพกรัวเร็ว ขณะเดียวกันก็กดกายของบราเธอร์ผู้แสนจะบริสุทธิ์ให้กระแทกสวนลงมาด้วย ผู้ที่รับสัมผัสอันเปรียบได้ดั่งไฟอเวจีที่แผดเผาให้มอดไหม้หลับตาลงสนิท กอดรัดเอาตัวของอมุนษย์เอาไว้แน่นพร้อมทั้งส่งเสียงแสนยั่วยวน

“จำซึงชอลไม่ได้เลยรึไงกัน” ถามย้ำอีกครั้งทั้งที่ยังคงขยับกายเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นจนเสียงที่เปล่งออกมาไม่สามารถจับใจความได้อีกต่อไป

“ไม่ ฮ๊ะ ! ผมไม่ อ้า ! รู้จักเขา ฮะ ! อื้อ อ๊ะ ๆๆ เร็วเกินไปแล้ว ฮือ ! ” ทั้งที่ดูเหมือนว่าเสียงนั้นช่างไกลห่าง แต่พ่อพระผู้แสนมีเมตตาและใจกว้างดั่งมหาสมุทรก็ยังคงตอบกลับไปซ้ำยังเป็นผู้ริเริ่มแนบประกบริมฝีปากอิ่มของตนลงบนกลีบปากแห้งผากของอีกฝ่ายเสียด้วย

ทั้งบดเบียด ขบกัดเสียจนเลือดซิบ ยิ่งสัมผัสมากเท่าไหร่ ยิ่งรัวกายเร่งจังหวะตบสะโพกเข้าหามากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งสูญเสียการควบคุมตนต่อสิ่งผิดชอบชั่วดีมากขึ้นเท่านั้น ท้ายที่สุดก็เป็นซอกมินเองที่หยุดทุกอย่างลงหลังจากที่กอดรัดร่างบางเอาไว้และฝากฝังรอยเอาไว้ที่ลำคออีกครั้ง

หยาดน้ำคาวขุ่นหลั่งเติมเต็มช่องทางที่ถูกรุกล้ำอย่างบ้าคลั่ง บางส่วนไหลจากช่องทางสีหวาน ผ่านจีบเนื้อที่กำลังกระตุกถี่ อาบลงมาตามเรียวขาขาวเนียนเมื่อชายหนุ่มถอนกายออกและพลิกให้นักบวชหนุ่มที่กำลังหอบเหนื่อย อ่อนแรงนอนลงบนเก้าอี้ตัวเดิม ดวงตากลมสวยแม้จะฉ่ำไปด้วยราคะแต่ก็แฝงไปด้วยความโกรธแค้น ปีศาจผู้เป็นฝ่ายล่าเหยื่อนั่งคุกเข่าลงบนพื้นพลางใช้ฝ่ามือของตนลูบเรือนผมอ่อนนุ่ม ลากไล้ลงมาจนถึงพวงแก้มและส่งยิ้มให้ดั่งที่เคยทำ

แต่คราวนี้โจชัวผู้หมดหนทางหนีกลับรู้สึกได้ว่าเบื้องหลังรอยยิ้มนั้นมีอะไรมากกว่าความยินดีในชัยชนะ…







ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม